รีวิวทริปเที่ยวพม่าด้วยตัวเอง

รีวิวทริปเที่ยวพม่าด้วยตัวเอง
มัณฑะเลย์ โมนยวา พุกาม ทะเลสาบอินเล ย่างกุ้ง สิเรียม หงสาวดี พระธาตุอินทร์แขวน

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันที่ 8 นั่งรถจากพระธาตุอินทร์แขวน (ไจ๊ก์ถิโย) กลับย่างกุ้ง ขอพรเทพทันใจ ชมวัดเจ๊าตั๊ดจี นมัสการเจดีย์ชเวดากอง

วันพุธ ที่ 21 พฤษภาคม 2557 (2014) เป็นวันที่ 8 ของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศพม่าของพวกเรานะครับ วันนี้แพลนของเราคือนั่งรถขนหมูจากไจ๊ก์ถิโยหรือพระธาตุอินทร์แขวนลงไปยังคินปุนเบสแคมป์แล้วนั่งรถบัสต่อไปย่างกุ้งครับ ตอนบ่ายก็เหมารถตู้ไปขอพรเทพทันใจ เที่ยววัดพระนอนองค์ใหญ่ที่วัดเจ๊าตั๊ดจี แล้วก็ปิดท้ายด้วยมหาเจดีย์ชเวดากอง  1 ใน 5 สถานบูชาสูงสุดของพม่า ที่เราจะเยี่ยนมชมครบในวันนี้ครับ ก่อนอื่นก็มาชมวิวดีโอของวันที่ 8 ก่อนนะครับ น้องออดี้เขาทำไว้


แต่คลิปของวันนี้รู้สึกจะสั้นไปหน่อย ภาพก็สลับไปสลับมาหลายสถานที่ เอาเป็นว่าดูภาพเพลินๆละกันนะครับ ไม่ต้องดูข้อมูล 555 คนทำคลิปค่อนข้างมึนพอประมาณ


วันนี้ตื่นเช้ามาก็เดินไปนมัสการเจดีย์ไจ๊ก์ถิโยเป็นครั้งที่สามครับ ครบสามครั้งพอดี องค์เจดีย์ท่ามกลางสายหมอกยามเช้าสวยไปอีกแบบหมอกลงอากศเย็นสบายครับ ไม่ถึงกับหนาว 


ชมบรรยากาศรอบๆและผู้คนที่มานมัสการพระธาตุครับ  ก่อนเดินกลับโรงแรมก็ไปซื้อข้าวต้มมัดห่อยักษ์กับแม่ค้าคนเดิมตรงประตูทางเข้าพระธาตุ แม่ค้าจำผมกับลุงเสริมได้ด้วย ซื้อมาเป็นเสบียง 4 ห่อสำหรับสมาชิก 4 คน เผื่อหิวในรถ


หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวครับ อยากจะบอกว่าอาหารเช้าที่โรงแรมไจ๊ก์โต (Kyaik Hto Hotel) ที่เราพักนั้นอาหารเช้าอร่อยมากครับ เป็นไลน์บุฟเฟต์อาหารให้เลือกเยอะมาก ข้าวต้มก็อร่อยจริงๆ ผมกินไปเป็นเสบียงในท้องซะจนพุงกางแทบปริครับขอบอก ประมาณ 9 โมงเราก็เช็คเอ๊าท์คืนห้องคืนกุญแจ แล้ก็เดินออกไปที่จอดรถขนหมูที่ลานจอดที่เราลงรถเมื่อวาน (แม่ค้าขายผลไม้ ลูกอะไรก็ไม่รู้ครับคล้ายๆลองกอง )


เจอพ่อค้ามาขายแตรไม้ไผ่เอาลูกโป่งมามัด แต่เวลาเป่าแล้วเสียงดังเหมือนแตรรถบรรทุกเลยครับ พ่อค้ารับเงินไทย อันละ 20 บาท ลุงเสริเห็นแล้วชอบ อยากซื้อไปเก็บไว้ดูไอเดียพม่าครับ ก่อนขึ้นรถ จ่ายค่ารถไปคนละ 2,500 จั๊ตเท่ากับเมื่อวานเลยครับ (83 บาท) 


รถขนหมูพาเราขึ้นเขาลงเขาแตละทีเสียวไส้ติ่งครับ เพราะบางช่วงที่มันเป็นโค้งหักศอกพี่แกก็ไม่ค่อยชะลอ ลุ้นระทึกมากระหว่างการนั่งรถขนหมูขาลง ผู้โดยสารสาวๆกรี๊ดกันจนดังแสบแก้วหู ประมาณครึ่งชั่วโมงรถขนหมูก็พาเรามาถึงคินปุนเบสแคมป์อย่างปลอดภัย เข้าห้องน้ำแล้วเดินข้ามถนน รถบัสรออยู่แล้วครับ เป็นของบริษัทวิน (ตัวอักษรสีเหลือตรงกลางรถบัสอ่านว่า วิน เป็นชื่อบริษัทครับ) เราซื้อตั๋วไปย่างกุ้งคนละ 6000 จั๊ตครับ  (200 บาท)  ราคาเท่ากับราคาที่โดนหลอกฟันจากหงสาวดีมาคินปุนเบสแคมป์เมื่อวานเลยครับ รถออกเวลา 10:00 น. (ถึงสถานีขนส่งย่างกุ้งเวลา 14:00 น.ครับ) เป็นรถบัสแอร์ครับ 


สภาพภายในรถบัสครับ ใหม่ สะอาด แอร์เย็นดีครับ


เจอน้องคนนี้มาเดินขายไข่นกกระทาต้ม พูดไทยชัดเป๊ะเลย บอกเราว่าเคยมาอยู่ประเทศไทยที่มหาชัย โตประเทศไทย เลยพูดไทยชัด ไม่มีสำเนียงพม่าเจือปนแถมมีสัมมาคารวะ เราเลยช่วยซื้อไปเป็นเสบียงด้วย บอกว่ายายต้มให้ แล้วน้องเอามาขาย ผมว่าคนไทยน่าจะเคยเจอน้องเขาอยู่แล้วครับ พูดจาเก่ง พูดเพราะนิสัยมีสัมมาคารวะซะขนาดนี้ใครๆก็ต้องช่วยซื้อครับ 


พนักงานเก็บเงินชาวพม่ากินหมากปากแดงแจ๋ แอบถ่ายมา 1 รูป


วัวเทียมเกวียนแถวลานจอดรถตอนที่รถออกมาได้นิดหน่อย


ขอบอกว่าขากลับ รถบัสไม่แวะให้ทานข้าวนะครับ แต่เรามีสเบียง ไม่เป็นไร แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ลุงเสริมแกปวดฉี่มาก อั้นไม่ไหว ต้องขอเข้าห้องน้ำตอนที่เขาแวะรับผู้โดยสารระหว่างทาง เขาก็จอดรอครับ ให้เข้าห้องน้ำ  รถวิ่งมา 4 ชั่วโมงก็ถึงสถานีขนส่งย่างกุ้งเวลา 14:00 น.ครับ (เมื่อวานจากหงสาวดีไปคินปุนเบสแคมป์ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครับ) ถึงขนส่งก็หาข้าวกินก่อนเลยครับหิว แต่รู้สึกไม่สะอาดเท่าไหร่ มันแฉะไปหมด เพราะย่างกุ้งฝนตกหนักเลย กินเสร็จก็หาแท็กซี่ ไปโรงแรม แอ๊กก้าเกสท์เฮ้าส์ ครับ แท็กซี่หลายคันไม่รู้จักโรงแรมเรา บางคันก็บอกแพงมาก 10,000 จั๊ต แต่พี่แท็กซี่คนหนึ่งบอกเรา 7,000 จั๊ต ก็ตกลง เพราะระยะทางก็พอๆกับสนามบินโรงแรมเลย (วิธีที่ดีที่สุดถ้าแท็กซี่ไม่รู้จักโรงแรมก็เอาที่อยู่ใน Voucher อโกด้าที่จองไว้ให้คนขับแท็กซี่อ่านครับ เขาจะรู้จัก ดีกว่าเราบอกซื้อโรงแรมเลยเขาอาจจะไม่รู้จัก)


มาถึงโรงแรม แอ๊กก้าเกสท์เฮ้าส์ก็เช็คอินใหม่อีกรอบ ผมก็ยังได้ห้องเดิม อาบน้ำ(ห้องน้ำรวม) พักนิกหน่อยก็ให้พนักงานโรงแรมหารถให้ ไปหาเทพทันใจ , วัดพระนอนเจ๊าตั๊ดจี และมหาเจดีย์ชเวดากองครับ โรงแรมคิดค่ารถ 20,000 จั๊ต ( 666 บาท)  ได้คนขับหน้าใหม่ อ้วน หน้าตาออกมีเชื้อสายจีนมากๆ พูดอังกฤษอธิบายเราหลายอย่างมาก แต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องครับ สำเนียงพี่แกฟังแล้วเหนื่อยจริงๆ) ที่แรกที่ไปเที่ยวคือ เจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) ชื่อเจดีย์แปลว่า ทหาร 1000 นาย เพราะเมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้วพระเจ้าโอกะลาปะกษัตริย์มอญ(เมื่อก่อนที่นี่คือเมืองของชาติมอญ) ให้ทหาร 1000 นายตั้งแถวถวายความเคารพพระเกศาธาตุที่อัญเชิญมาทางเรือจากอินเดียเพื่อไปบรรจุที่เจดีย์ชเวดากองโดยมาขึ้นฝั่งที่จุดนี้จึงสร้างเจดีย์เอาไว้แล้วได้มีการแบ่งพระเกศาธาตุไว้ 1 เส้นเพื่อบรรจุไว้ในเจดีย์นี้ มีช่องให้เข้าไปถ่ายรูปได้ครับ มีช่องใส่เงินด้วยครับ 


เงินทีี่ชาวบ้านเอามาใส่ เต็มพื้นไปหมดเลยครับ สมัยสงครามโลกครั้งที่สองโดนระเบิดก็มีการสร้างเจดีย์ขึ้นมาใหม่ มีการเจอพระเกศาธาตุและพระบรมสารีริกธาตุรวมถึงทองคำและของมีค่ามากมายหลายอย่างภายในเจดีย์ จึงมีการสร้างขึ้นมาใหม่ให้ฐานเจดีย์มีช่องทางเดินซิกแซ็กเหมือนเขาวงกต (แต่ถ้าเดินไปเรื่อยๆก็จะกลับมาที่เดิม) 


ภายนอกเจดีย์โบตะตาวครับ 


ด้านข้างเจดีย์โบตะตาวด้านนอกมีทางเดินแบบนี้ให้ไปสักการะนัตโบโบยี หรือที่เราคุ้นชื่อเรียกกันว่าเทพทันใจครับ 


เห็นมีแต่กรุ๊ปทัวร์คนไทยนะครับที่มาสักการะเทพทันใจกันอย่างคับคั่ง


เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ไหนๆก็มาถึงพม่าแล้วก็เอาซะหน่อย มีแบบว่าให้ซื้อเครื่องบูชาที่ใส่พานไว้ด้วย แต่ค่อนข้างแพง เลยเอาแบบธรรมดาดีกว่าครับ ใส่แบ็งค์ไปสองใบทำเป็นกรวยยัดเข้าไปในมือเทพทันใจ แล้วเอาหน้าผากไปจิ้มที่ปลายนิ้วเทพทันใจแล้วอธิษฐานขอพร 1 อย่าง ดึงธนบัตรคืนมาใบหนึ่งแล้วเก็บไว้ครับ 


ไม่ต้องกลัวว่าเราจะทำไม่ถูกนะครับ มีเจ้าหน้าที่บอกอยู่ตลอดครับ 


ข้างๆเทพทันใจ มีเทพอะไรก็ไม่แน่ใจแล้วครับ เขาบอกให้มาบูชาด้วย เอาผ้าแพรมาคล้องคอครับ จะทำให้เป็นคนฉลาดมีความจำเป็นเลิศอะไรประมาณนั้นครับ


ฝั่งตรงข้ามฟากถนนจาอเจดีย์โบตะตาวก็จะมีอาคารอยู่หลังหนึ่งที่เป็นที่อยู่ของนัตเมี๊ยะนานหน่วย หรือคนไทยเรียกเทพกระซิบ ก็ไปขอพรด้วยการกระซิบครับ 


ด้านหน้าเจดีย์โบตะตาวเห็นมีที่เก็บตังค์ค่าเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย แต่เราไม่รู้เลยไม่ได้จ่าย และไม่มีเจ้าหน้าที่มาเดินทวงตังเหมือนที่เยเลพญาด้วยครับ 


เสร็จแล้วโชเฟอร์ก็พาเราไปที่วัดเจ๊าตั๊ดจี (Chauk Htat Gyi Pagoda) หรือคนไทยเรียกว่าพระตาหวาน นั่งมาไกลเลยครับ กว่าจะถึง เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่  เดิมมีความสูงประมาณตึก 6 ชั้น (Chauk แปลว่า 6 / Htat แปลว่า ชั้น / Gyi แปลว่าใหญ่) ปี 1908 (พศ.2451) เกิดแผ่นดินไหวจนเสียหายทั้งองค์

 

ปัจจุบันมีการสร้างใหม่มาเป็นองค์ปัจจุบันเป็นพระพุทธรูปปางไสยยาสน์ยาว 70 เมตร ดวงตากว้าง 5 ฟุต ขนตายาว 1 ศอก


 ที่ฝ่าพระบาทมีรูปมงคล 108 ประการ


พระเจ๊าตั๊ดจีองค์เก่า เหมือนพระนั่งผสมพระนอนครับ  สูงมาก 


ต่อมาที่สุดท้ายของวันนี้คือเจดีย์ชเวดากองครับ โชเฟอร์พาเรามาขึ้นด้านไหนก็ไม่รู้ ไม่มีคนตรวจด้วยครับ ไม่ได้จ่ายค่าเข้าด้วย น่าจะเป็นทางเข้าที่ชาวบ้านเขาเข้ามาชมเจดีย์ชเวดากองนะครับ (เท่าที่อ่านหนังสือมา ค่าเข้าชมชเวดากองคนละ 5 US ดอลลาร์ครับ)


ตอนพวกเราไปฝนตกหนักเลยครับ 


ก็เลยชมพระพุทธรูปต่างๆไปเรื่อยๆ 


มุมพระประจำวันอังคาร


ผมก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆครับ ไม่ได้เอาหนังสืออะไรไปเลย ก็เลยไม่รู้ข้อมูล ถ่ายรูปมาค่อนข้างสะเปะสะปะนิดหน่อยก็ดูๆรูปเอานะครับ ข้อมูลถ้าใครอยากรู้ก็หาหนังสืออ่านเอาอีกทีนะครับ


งดงามล้ำค่า


ฝนเริ่มซาเม็ดลง ชาวบ้านศรัทธาหลั่งไหลมากราบไหว้เจดีย์เช่นเดิม


แต่ละมุมเจดีย์ก็มีเป็นห้องๆแบบนี้โดยรอบครับ และก็มีพระพุทธรูปเยอะมากๆ


มหาเจดีย์ชเวดากองยามพลบค่ำหลังฝนตกครับ 


เจดีย์สูงใหญ่มาก กล้องผมมีความสามารถซูมกว้างได้แค่นี้แหละครับ 


ลองอีกรูป แต่มุมเดิม


อีกรูป มุมเดิม าวบ้านเริ่มจะเยอะอีกแล้ว


โอเค รูปนี้ สวยที่สุดแล้วครับ 555 ขี้เกียจรอให้พลบค่ำกว่านี้ เพราะบบรยากาศไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ แฉะๆ ไม่ค่อยชอบ ถ้าฝนไม่ตกจะอยู่ถ่ายรูปให้เยอะกว่านี้ครับ 


อีกมุมในห้องโถงมีการแสดงนทรรศการของเอ็ปสันด้วย 


รูปเพชรนิลจินดาบนยอดเจดีย์ชเวดากองครับ เสร็จแล้วก็กลับโรงแรมแอ๊กก้าเกสท์เฮ้าส์ครับ ค่ำพอดี ออกไปหาอะไรทาแถวนั้น แลกตังค์เพิ่มอีกหน่อย มีธนาคารเปิดอยู่ด้วย ถนนหลังซอยโรงแรม 

วันที่ 9 พักผ่อนตามอัธยาศัย ซื้อของฝากตลาดสก๊อต เดินทางกลับประเทศไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 22 พฤษภาคม 2557 (2014) เป็นวันที่ 9 ของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศพม่าของพวกเรานะครับ วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับทริปของพวกเรา ก่อนกลับก็ไปหาของฝากครับ จากโรงแรมแอ๊กกาเกสท์เฮ้าเดินออกไปปากซอย เลี้ยวขวาถึงทางแยก เลี้ยวซ้ายเดินไปเรื่อยๆก็จะถึงตลาดสก๊อตครับ หรืออีกชื่อเรียกว่า ตลาดโบจ๊กอองซาน (Bogyoke Aung San Market)


ด้านหน้าตลาดสก็อต ถ่ายมาจากอีกฟากถนนครับ


ข้ามถนนไม่ได้ ต้องเดินไปขึ้นสะพานลอยเพื่อข้ามไปฝั่งตลาดนะครับ 


เด็กหนุมขายนก น่าจะเอาไว้ปล่อยหรือเปล่า ไม่แน่นใจครับ แบบว่าปล่อยนกปล่อยปลา


วิวจากบนสะพานลอยมองเห็นโบสถ์คริสต์ด้วยครับ อ่านไปอ่านมาเป็นโบสถ์ชื่อ Holy Trinity Cathedral) เป็นโบสถ์คริสต์นิกายแองกริกัน เป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่เก่าแก่ที่สุดในย่างกุ้งด้วยครับ


ผมเดินเข้าไปหาห้องน้ำ แล้วไปเจอที่ทำการไปรษณีย์อยู่บนชั้น 3 ของตลาดสก๊อตครับ 


ก็เลยซื้อโปสการ์ดที่ไปรษณีย์ ส่งกลับมาหาตัวเองและเพื่อนๆที่ออฟฟิซด้วยครับ 


จำราคาไม่ได้แล้วครับ แต่ไม่แพง


บรรยากาศภายในตลาดสก็อตครับ ผมได้แม่เหล็กติดตู้เย็นมาเพียบเลย มาแจกเพื่อนๆ


ด้านหลังตลาดสก็อตก็มีร้านขายข้าวตามสั่งเพียบเลยครับ สั่งข้าวผัดมากินครับ


ห้องน้ำด้านหลังตลาดมีเพียบครับ หลายห้อง รู้สึกจะครั้งละ 500 จั๊ต


ในโรงอาหารที่กินข้าวผัดเมื่อกี้ครับ 


ก่อนกลับบ้านก็ถ่ายรูปน้องๆพนักงานโรงแรมแอ๊กก้าเกสท์เฮ้าส์ไว้เป็นที่ระลึกครับ น่ารักมาก พนักงานที่นี่คุยภาษาอังกฤษได้ดีมาก บริการดี ค่ารถเวลาเหมาก็คิดไม่แพงมาก  ขอแนะนำโรงแรมนี้เลยครับ 


ก่อนกลับก็ต้องใช้บริการเรียกแท็กซี่จากโรงแรมไปสนามบินอีกครับ ได้โชเฟอร์คนที่พาเราไปวัดเยเลพญาครับ โรงแรมคิดว่าแท็กซี่ 10,000 จั๊ตครับ (333 บาท) แพงกว่าขามาเยอะครับ (ขามาจากสนามบินไปโรงแรม 7000 จั๊ต = 233 บาท) แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสมาก ถือว่าเป็นค่าที่เราใช้บริการเขา อีกอย่างก็กลับบ้านแล้วเลยจ่ายๆไปครับไม่อยากจะคิดมาก ในรูปเป็นบรรยากาศภายในสนามบินย่างกุ้งครับ สะอาด ดูทันสมัยดีครับ 


และที่สะดุดตาพวกผมมากที่สุดก็เป็นภาพเขียนบนผนังสนามบินภาพนี้แหละครับ สวยมาก 
บินกลับไทยด้วยแอร์เอเชียร์ FD254  17:35  น. ถึงกรุงเทพ สนามบินดอนเมือง 19:25 น. ครับ  บ๊าย บาย เจอกันทริปหน้าครับ โคโมโด อินโดนีเซียครับ / หลวงไข่

อ่านบทความก่อนหน้า วันที่ 8 นั่งรถจากพระธาตุอินทร์แขวน (ไจ๊ก์ถิโย) กลับย่างกุ้ง ขอพรเทพทันใจ ชมวัดเจ๊าตั๊ดจี นมัสการเจดีย์ชเวดากอง

อ่านวิธีการจองตั๋วเครื่องบินภายในประเทศพม่าสายการบินแอร์บากัน