รีวิวทริปเที่ยวพม่าด้วยตัวเอง

รีวิวทริปเที่ยวพม่าด้วยตัวเอง
มัณฑะเลย์ โมนยวา พุกาม ทะเลสาบอินเล ย่างกุ้ง สิเรียม หงสาวดี พระธาตุอินทร์แขวน

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันที่ 5 เดินทางด้วยเครื่องบิน Air Bagan จากสนามบินหญ่าวอูเมืองพุกามไปสนามบินเฮโฮเพื่อไปทะเลสาบอินเล เหมาเรือท่องทะเลสาบอินเล

วันอาทิตย์ 18 พฤษภาคม 2557 (2014) เป็นวันที่ 5 ของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศพม่าของพวกเรานะครับ วันนี้เราจะเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศของพม่านะครับ คือสายการบิน Air Bagan ซึ่งเราจะบินจากสนามบินหญ่าวอูเมืองพุกามไปยังสนามบินแฮโฮเพื่อที่จะนั่งรถต่อไปทะเลสาบอินเลครับ  ก่อนอื่นมาดูวิดีโอประจำวันกันก่อนนะครับ น้องออดี้เขาทำไว้ จะได้รู้ว่าวันนี้เราไปไหนกันบ้างนะครับ 


ในวิดีโอมั่วนิดหนึ่งนะครับ แฮโฮไม่ได้อยู่ใกล้เชียงใหม่ตามที่น้องเขาบอกนะครับ เดี๋ยวสับสน ให้น้องเขาสับสนคนเดียวพอครับ 5555 


นัดโชเฟอร์ที่พาเราเที่ยวเมาท์โปปาเมื่อวาน ไว้ 7:00 น. เพราะไฟลท์เราจากหญ่าวอู (Nyaung U) ไปแฮโฮ (Heho) เวลา 8:25 น. (W9 143 18MAY NYAUNG U( NYU )-HEHO (HEH) D 0825 A 0940  ) ที่จริงไฟลท์ตอนจองน่ะ 7:50 น. ครับ แต่ก่อนเดินทาง 1 วัน แอร์บากันเขาส่งเมล์มาบอกว่าเครื่องเลื่อนเวลาเป็น 8:25 น.แทนครับ คืออยากจะบอกว่าให้หมั่นเช็คเมล์ด้วยนะครับถ้าจองตั๋วแอร์บากันเอาไว้เหมือนผม เพราะเวลาอาจจะเปลี่ยนแบบนี้ ถ้าไฟลท์เปลี่ยนให้เวลาเร็วขึ้นจะลำบากครับเพราะอาจจะตกไฟลท์ได้ครับ  ค่ารถไปส่งจากโรงแรมอ่องมินกลาร์ ไปสนามบินหญ่าวอู ตกลงเอาไว้กับน้องโชเฟอร์ 7,000 จั๊ต (233 บาท) แต่เราให้ทิปไปเพิ่ม จ่ายไปเลย 10,000 จั๊ตครับ (333 บาท) นั่งไปไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงสนามบินแล้วครับ ด้านหน้าสนามบินหญ่าวอูครับ เขาเขียนว่า BAGAN - NYAUNG OO AIRPORT ครับ 


เดินเข้าไปในตัวอาคารเพื่อเช็คอินเลยครับ 


เคาน์เตอร์เช็คอินสนามบินหญ่าวอูของแอร์บากัน ครับ ดูวิธีจองตั๋วแอร์บากันด้วยตัวเอง ในลิงค์นี้ครับ เวลาเช็คอินเสร็จก็ได้บอร์ดดิ้งพาสครับ ไม่อนุญาติให้ถือกระเป๋าขนาดกลางๆขึ้นไปกับตัวเองนะครับ คือต้องโหลด เพราะบนเครื่องนั้น ช่องเก็บกระเป๋า เล็กมาก ใส่ไม่เข้าแน่นอนครับ อันนี้คอนเฟิร์มเลย เห็นกับตามาแล้วครับ (ตอนแรกแย้งในใจว่าทำไมจะใส่ไม่ได้ เพราะเรามาแอร์เชียไม่เคยโหหลดกระเป๋าเลยครับ กระเป๋าเราใบเล็กๆทั้งนั้น แต่ของสายการบินนี้ใช้เครื่องลำเล็ก ช่องเก็บกระเป๋าเลยเล็กมากๆครับ) 


เช็คอินแล้วก็เข้ามาในเกทเลยครับ สภาพภายในเกทเป็็นอย่างนี้ ห้องน้ำในเกทสะอาดพอใช้ ให้ 8 เต็ม 10 ภายในอาคารรอขึ้นเครื่องมีอยู่สองเกท เป็นห้องโล่งๆแบบนี้ครับ วันนี้เที่ยวบินที่เราจะบินจะต้อง Via มัณฑะเลย์ก่อนครับ เหมือนได้นั่งเครื่องบินเล่นๆครับ ก่อนไปแฮโฮ 


รอไม่นานเครื่องก็มาครับ แอร์บากัน เห็นพนักงานขนกระเป๋าลงของไฟลท์ที่บินมาถึง และโหลดกระเป๋าขึ้นเครืองให้พวกเราด้วยครับ มีชัตเติ้ลบัสพาไปส่งที่เครื่องนะครับ คันสีเขียวๆ ทางซ้ายมือของรูปนี้ แต่ผมไม่ได้ถ่ายเอาไว้ครับ ที่จริงเดินเอาก็ได้ 100 เมตรเองมั้ง แต่เขาให้ขึ้นครับ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย


ไป via สนามบินมัณฑะเลย์มาแล้วก็บินต่อลงมาด้านล่างคือสนามบินแฮโฮครับ ใช้เวลาบินรวม 1 ชั่วโมงกับ 15 นาทีเท่านั้นครับ ไม่เลทเลยครับ 


อาคารขาเข้าสนามบิน Heho ครับ 


ออกมาด้านนอกสนามบินเพื่อหารถตู้เหมาไปอินเลครับ โดนฟันไป 35,000 จั๊ต (1,166 บาท) ที่ตกลงราคานี้เพราะเขาบอกแพงกว่านี้ครับตอนแรก ขนาดต่อแล้วนะยังโดนฟันจนได้ เพราะขากลับเราจองกับโรงแรม อิเลสตาร์โมเต็ลที่เราพัก กลับสนามบินแฮโฮ โรงแรมชาร์ตเราแค่ 25,000 เองครับ ประมาณ 833 บาท) ใครมาทีหลังต้องต่อให้ได้ 25,000 จั๊ตนะครับ 


รถตู้พาเราผ่านหุบเขา วิวสวยๆ ผ่านทางรถไฟสวย มา 40 กว่านาทีนิดๆก็ถึงด่านเข้าเมืองหญ่าวชเวครับ ตรงนี้รถตู้จอดให้พวกเราจ่ายค่เข้าเมืองครับ นักท่องเที่ยวจ่ายหัวละ 10US$ ครับ หรือใครจะจ่ายเงินยูโรก็ได้ครับ แต่จะขาดทุน เพราะค่าเงินยูโรแพงกว่าดอลลาร์ครับ 


จ่ายแล้วได้ตั๋วมาเป็นแบบนี้ครับ  5 คนได้มา 5 ใบครับ และขอบอกว่าที่นี่ถ้าให้ธนาบัตรใบใหญ่ เวลาเขาทอนมา เขาจะทอนใบเก่าให้เราครับ ต้องดูให้ดี ตรงนี้ป้าส้มโดนไป 1 ดอก เรื่องเงินทอน เพราะเราจ่ายให้ป้าส้มคนละ 10$ แต่ป้าส้มจ่ายให้เขาด้วยแบ๊งค์ 100$  ได้เงินทอนมาเป็นดอลลาร์ใบเก่าๆทั้งนั้นครับ ตอนเอามาแลกเงินจั๊ตที่ย่างกุ้งเขาไม่รับแลกครับ ต้องเอากลับมาแลกที่เมืองไทยเลยครับ เสียอารมณ์เป็นอย่างมาก อดช็อปปิ้งเลยครับ ป้าส้มบ่นไป 7 วัน 


จากปากทางเข้าเมืองหญ่าวชเว มาถึงโรงแรมก็อีก 10 นาที โรงแรมของเราคืออินเลสตาร์โมเท็ลครับ เป็นโรงแรมที่ราคาถูกที่สุดในทริปนี้ของเราเลยครับ แต่ห้องใหม่และสะอาดมาก ถือได้ว่าที่นี่คุ้มราคาที่สุดแล้วครับ คือถูกแต่ดีครับ แนะนำเลยครับที่นี่ พนักงานต้อนรับดีมาก ให้ข้อมูลดีมาก ราคาทัวร์เหมาก็ไม่แพงครับ ทั้งรถทั้งเรือให้จองกับโรงแรมครับ ราคาถูกกว่าไปเดินหาเองจริงๆครับ 


วิวจากระเบียงหน้าห้องเรานะครับ เห็นคลองที่จะเชื่อมไปในทะเลสาบอินเลเลยครับ แต่มีเรือวิ่งตลอดทำให้บางทีก็หนวกหูเรือเหมือนกันครับ แต่ถ้าปิดประตูห้องก็ไม่ได้ยินเสียงครับ 


วิวอีกด้านหนึ่งครับ 


เราจองเรือเหมาเที่ยวตลอดบ่ายกับโรงแรมครับ ราคา  18,000 จั๊ต (ุ600 บาท) ทริปเริ่มเที่ยงตรงครับ จบตอน 6 โมงเย็น เจอคนขับเรือ เขาบอกให้เราเดินข้ามสะพานไปอีกฟากคลองเพื่อลงเรือครับ ก็เลยถ่ายรูปด้านหน้าโรงแรมมาจากอีกฟากคลองให้ดูครับ ท่าเรือก็อยู่ตรงข้ามโรงแรมเลยครับ


กำลังลงเรือครับ มีเป็นเก้าอี้ให้นั่ง 5 ตัวพอดีครับ มีร่มให้ด้วยกันแดดกันฝนครับ (ตอนเที่ยงแดดจ้าเลยครับ ตอนเย็นฝนตกเปียกมะล่อกมะแล่กกันเลย ถ้าไม่มีร่มกล้องถ่ายรูปคงพังไปแล้ว แนะนำเอาถุงพลาสติกไปห่อมือถือหรือกล้องด้วยครับ เผื่อฝนตกตอนเย็น


น้องคนขับเรือพาเรามาตามลำคลองออกมาเรื่อยๆครับ ชมบ้านเรือนริมน้ำครับ


ชมบ้านเรือนริมน้ำที่นี่เขาสร้างกันแบบสองชั้นเลยครับ เสาสูงๆ ผอมๆ ทั้งนั้นเลยครับ 


ชมวิถีชาวบ้านตามลำคลองออกไปเรื่อยๆครับ 


รูปนี้ตั้งใจถ่ายให้เห็นน้องกัปตันเรือครับ ไม่ใช่ถ่ายผมนะ 5555


พอออกมาสุดปลายลำคลองเท่านั้นแหละครับ เราก็จะเจอกับทะเลสาบอินเลกล้างไกลสุดลูกหูลูกตาเลยครับ และก็มีตาลุงคนนี้ยืนแอ๊กชั่นท่านี้ให้เราถ่ายรูปเลยครับ 


ขอชมว่าลุงแกยืนได้นิ่งมากๆครับ ขาไม่มีสั่นเลยครับ 


โชว์ปลาให้เห็นด้วย คาดว่าปลาน่าจะตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วันครับ 55555+++


แล้วลุงก็สาธิตวิธีจับปลาให้ดูด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ครับ 


แล้วก็ทำท่าพายเรือด้วยเท้าแบบชาวอินทาในทะเลสาบอินเลครับ จ่ายทิปแกไป 500 จั๊ต ครับ สงสารแก กลัวเสียน้ำใจอีก แต่ไม่รู้จะด่าเราในใจรึเปล่านะครับ เพราะเทียบเงินไทยก็แค่ 16 บาท 


ดูๆแล้วทะเลสาบอินเลโดนขนาบด้วยภูเขาสองด้านครับ ภาพกล่้องผมไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ครับ ย้อนแสง


ร้านอาหารกลางทะเสลาบก็เยอะครับ 


ชาวประมงหาปลากันอยู่ลิบๆเลยครับ 


มาถึงแปลงผักลอยน้ำครับ ที่ชาวบ้านเขาดึงเอาสาหร่ายใต้น้ำมาผูกเข้าเป็นแพขนาดใหญ่ กลายเป็นแปลงปลูกพืชลอยน้ำครับ เยอะมากๆ


ตรงนี้แปลงมะเขือเทศครับ 


แต่ว่ายังไม่สุกครับ ยังเขียวอยู่เลย 


เรือเขายาวมากเลยนะครับ นี่นี่ 


ชาวบ้านคนนี้กำลังดึงสาหร่ายใต้น้ำครับ เพื่อจะมาทำเป็นแพ แปลงปลูกพืชลอยน้ำในอนาคตครับ


ให้ดูเสาไฟฟ้าในทะเลสาบอินเล เท่ห์มั้ยครับ 


บ้านเรือนในทะเลสาบอินเลครับ 


บางหลังก็ใหญ่มากๆครับ ท่าทางมีอันจะกิน 


บ้านทำเครื่องเงินครับ 


ตรงข้ามบ้านทำเครื่องเงินเป็นร้านอาหารชื่อ Jasmine Inle ครับ เราก็บอกน้องคนขับเรือให้มากินข้าวเที่ยงกันที่นี่ครับ เพราะเริ่มหิวกันแล้ว  


วิวจากร้านอาหารจัสมินอินเลครับ น่าอยู่ดีนะครับ บ้านแบบนี้ ธรรมชาติดีมากๆเลยครับ


วิวอีกด้านหนึ่งจากร้านอาหารจัสมินอินเลครับ


โต๊ะภายในร้านอาหารจัสมินอินเลครับ  ขอบอกว่าเนื้อหมูแพงกว่าปลาครับที่นี่ สั่งข้าวผัดหมูมาจานใหญ่ด้วย และมีปลาทอดราดพริกตัวใหญ่แต่ผมว่าปลาที่นี่เขาทำมาเนื้อปลาค่อนข้างมีกลินสาบๆนะครับ ผมกินไม่ค่อยได้เลย แต่ป้าส้มว่าอร่อย ก็แล้วแต่คนนะครับ หรืออาจจะเป็นเพราะน้ำหรือดินที่นี่ก็ได้ ที่ทำให้ปลามีกลินสาบขนาดนี้ ผมกินคำเดียวเลิกเลย มื้อนี้ค่าเสียหายรวม 30,000 จั๊ต ครับ (1,000 บาทพอดี แบบผิดหวังในรสชาติของเนื้อปลาอย่างแรง แต่อย่างอื่นก็พอใช้ได้ครับ)


กินเสร็จแล้วก็ลงเรือไปเที่ยวกันต่อเลยครับ 


เรือออกไปได้นิดเดียวปรากฏว่าเรือเริ่มมีปัญหาครับ น้องเขาเลยต้องค่อยๆประคองเรือที่มีปัญหาไปฝั่งร้านทำเครื่องเงินที่อยู่ตรงข้ามกัน เพื่อขอเปลี่ยนเรือ น่าจะขอเช่าเลยครับ เพื่อพาเราไปเที่ยวต่อ


เครื่องเงินเราไม่ดูครับ เราบอกให้น้องเขาพาไปดูบ้านที่ทอผ้าใยบัวครับ มีภาพพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ของชาวไทยด้วยครับ ลุงเจ้าของบ้านก็พาเรามาเดินดูที่ผนังบ้าน


ถ่ายให้ดูชื่อร้านที่เป็นผ้าทอใยบัวที่นี่นะครับ  Khit Sunn Yin 


สาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้พาเราเดินชมรอบๆโรงงานครับ อธิบายภาษาอังกฤษประมาณฟังแล้วเหนื่อยครับ เข้าใจประมาณ 50% เพราะสำเนียงเธอฟังยากมากๆๆ


เครื่องทอผ้าครับ 


คนงานทอผ้าครับ


เส้นด้ายย้อมแล้วสีต่างๆ 


คุณป้า ชำนาญงานการทอครับ


วิวจากระเบียงบ้านทอผ้าใยบัว มองไปทางหลังบ้านครับ 


ลุงเจ้าของกิจการครับ 


ผมได้ผ้าถุงทอผมฝากแม่ 1 ผืน 12$ สวยดีครับ ที่นี่เขามีทานาคาให้ทาหน้าด้วยครับ ป้าส้มจัดเต็มก่อนลงเรือไปเที่ยวสถานที่ต่อไป


ที่นี่เป็นโรงงานทำยาสูบครับ มีหลายรสชาติ 


สาวน้อยหน้าตาน่ารักคนนี้กำลังสาธิตการสูบยาสูบของที่นี่ครับ พรรคพวกบอกว่าสูบแล้วมึนผมเลยขอบาย ไม่ลองดีกว่าครับ 


ในกระปุกคือยาสูบที่เขาทำแพ็คกล่องแล้วนะครับ ดูเลิศหรู น่าสูบครับ แต่ผมไม่สูบบุหรี่ เลยได้แต่ชม


ที่ต่อมาที่เราไปเที่ยวคือวัดเพาดออูครับ หรือวัดพระพุทธเจ้า 5 องค์ วัดนี้จ่ายค่ากล้องถ่ายรูปตัวละ 500 จั๊ต ครับ ได้โปสการ์ดมาเป็นที่ระลึกด้วย 1 แผ่น


ป้ายห้ามผู้หญิงไปปิดทองครับ ที่นี่ผู้ชายปิดทองได้ครับ ราคาทอง5,000 จั๊ตครับ มีขายที่นี่


ผมจะไม่ขอเล่าประวัติละกันนะครับ เพราะเหนื่อยแล้ว รบกวนไปอ่านในหนังสือเที่ยวพม่าเอานะครับ มีบอกไว้ทุกเล่ม ผมจะรีวิวแค่วิธีการเดินทางนะครับ เดิมทีจะเป็นพระองค์เล็กๆครับ แต่ชาวบ้านเขาศรัทธาปิดทองเรื่อยๆ จนเป็นองค์กลมหนาเตอะใหญ่มหึมาขนาดนี้เลยครับ 


วิวจากหน้าต่างวัดเพาดออูครับ 


นกพิราบบนหลังคาและพื้นข้างล่างเยอะแยะเลยครับ 


ลาพระก่อนกลับครับ 


ไปสถานที่ถัดไปคือเจดีย์อินแต็งครับ บางเล่มอ่านว่าอินเด็น ผมก็ไม่รู้นะว่าอ่านว่าไงกันแน่ ในภาพคือวัดเพาดออู ที่ถ่ายจากบนเรือครับ สวยทีเดียว 


รูปนี้ไม่ได้ให้ดูนางแบบนะครับ พอดีเพิ่งเห็นว่าถ่ายรูปติดเรือที่เขาใช้แห่พระเจ้า 5 องค์ครับ อยู่ในโรงเก็บด้านขวามือในรูปครับ 


ให้ดูชัดๆอีกรูปครับ 


ต่อไปก็ไปอินแต็งครับ ระยะทางอีกยาวไกลเลยครับ 


ลำคลองบางช่วงน้ำค่อนข้างตื้นครับแถวนี้ 


เขาทำสะพานข้ามคลองกันแบบนี้ครับ หลายที่มากๆ 


บางช่วงที่ไปอินแต็ง เขาจะกั้นฝายแล้วเปิดช่องตรงกลางลำน้ำให้เรือวิ่งแบบในรูปครับ ดูในคลิปได้ครับ มีเสียวเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่น้องคนขับเรือของเราชำนาญมากครับ 


มีเรืือพานักท่องเที่ยวฝรั่งสวนกลับมาสองสามลำครับ 


ถึงแล้ว น้องคนขับเรือบอกให้เราเดินตามทางนี้ไป เป็นตลาดและหมู่บ้านครับ 


เจอเณรน้อยเตะบอลกันอยู่ ตาโรธไปแย่งเล่น 


เดินข้ามสะพานไปก็เป็นที่เก็บค่ากล้องครับ 500 จั๊ต ต่อกล้อง


ป้ายบอกทางไปอินแต็งมั้ง อ่านไม่ออก อิๆๆ


เดินเข้ามานิดหน่อยจะเจอเจดีย์เก่าๆแบบนี้เยอะมากๆครับ 


อายุน่าจะหลายร้อยปี จะพังหมดแล้ว 


ที่จริงต่้องเดินไปตามทางเดินนี้อีกไกลก็จะเจอหมู่เจดีย์อีกเยอะแยะ  แต่มันเย็นแล้ว ไม่มีใครเดินเลย และไม่รู้ว่าต้องเดินไกลแค่ไหน เราเลยเดินกลับกันเลยครับ 


มาหาขนมกินกันแถวที่เก็บตังค์ค่ากล้องเมื่อครู่ครับ


ปาท่องโก๋พม่า ยาวมว้ากกก...


ทำอะไรกันบนสะพานก็ไม่รู้สองคนนี้ 


ผ่านตลาดที่เมื่อครู่ตอนเดินมาไม่ได้ถ่าย 


แถวท่าเรือมีร้านขายเหล้าพม่าหลากชนิดครับ 


น้องหมาพม่า ทำหน้าตาน่ารักที่ท่าเรือ


ตาโรธกำลังจะทดสอบเรือไม้จำลองที่ซื้อมาจากหน้าบ้านที่ทำยาสูบครับ ลอยได้แต่สักพักก็มีน้ำเข้ามาในเรือครับ เขาเอาไว้ตั้งโชว์ ไม่ใช่ให้เอามาลอยน้ำ สงสัยคุณพี่แกจะเข้าใจผิด 


ระหว่างทางกลับเจอชาวบ้านแห่พิธีอะไรบางอย่าง สวยงามมากครับ 


เด็กน้อยริมคลองครับ 


โรงแรมชเวอินทา ในทะเลสาบอินเลครับ 


กำลังเดินทางไปวัดงาแพจอง หรือวัดแมวกระโดครับ 


ชมบ้านเรือนริมน้ำไปเรื่อยๆครับ 


อากาศเริ่มเย็นสายไม่ร้อนแล้วครับ 


ร้านอาหารเยอะจริงๆครับ ในทะเลสาบอินเล


ชาวบ้านในทะเลสาบครับ


เข้ามาในโซนที่เขาปลูกผักลอบย้ำกันเหมือนดิมแต่คนละโซนกับขาไปครับ 


รูปนี้ถ้าน้ำนิ่ง เงาบนน้ำน่าจะสวยมากครับ 


แถวนี้ร่องน้ำจะแคบๆแล้วครับ เรือชาวบ้านเก็บผักสวนไปสวนมาเยอะมากๆครับ 


ถ่ายให้เห็นว่าท้องร่องที่เรือวิ่งมันแคบนะครับ อย่าดูนางแบบ


พ่อแม่ลูกบนเรือ ผู้ชายยืนพาย ผู้หญิงนั่งพายครับ 


หญ้าวัชพืช สันนิษฐานว่าเอาไปทำแพปลูกผักลอยน้ำครับ 


ฟัก ครับ (ภาษาใต้เรียกขี้พร้าครับ) 


ถึงแล้วครับ วัดงาแพจอง มีแม่ชียืนอยู่ท่าเรือหน้าวัดสามคน แอบถ่ายครับ 


วิวจากระเบียงท่าวัดงาแพจอง


พระพุทธรูปวัดงาแพจองครับ


น้องเหมียวที่เมื่อก่อนเขาลอดห่วงโชว์ เดี๋ยวนี้เขาไม่มีโชว์แล้วนะครับ ได้ข่าวว่าเป็นการทรมานสัตว์ครับ ทางวัดเลยยกเลิกไปครับ 


ได้เวลากลับแล้วครับ 


ขากลับฝนตั้งเค้า เมฆดำทะมึนต้องรีบเก็บกล้องครับ เอาร่มมากาง เปียกกัยพอประมาณ แต่พอถึงโรงแรมฝนก็หยุดครับ 


อาบน้ำเสร็จก็มาเดินหาของกินกันในตลาดครับ เดินไกลใช้ได้ครับ กว่าจะหาเจอ นอกนั้นก็เป็นร้านอาหารทั้เปิดขายนักท่องเที่ยวฝรั่งครับ 


ไปได้ลูกชิ้นย่างมากินครับ ไม่มีไรกินที่คิดว่าน่าอร่อยเล้ย 


สภาพลูกชิ้นย่าง ที่ต้องฝืนกินกันตายในคืนนี้กินกับข้าว ก็อร่อยแบบอนาถา ครับ 5555



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น