รีวิวทริปเที่ยวพม่าด้วยตัวเอง

รีวิวทริปเที่ยวพม่าด้วยตัวเอง
มัณฑะเลย์ โมนยวา พุกาม ทะเลสาบอินเล ย่างกุ้ง สิเรียม หงสาวดี พระธาตุอินทร์แขวน

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันที่ 4 เที่ยวเมาท์โปปา (Mt.Popa) ชมทะเลเจดีย์ท่ามกลางแดดร้อน เจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 สถานบูชาศักดิ์สิทธิ์ของพม่า

วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม 2557 (2014) เป็นวันที่ 4 ของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศพม่าของพวกเรานะครับ วันนี้พวกเราเหมารถตู้เที่ยวกันครับ ตอรแกว่าจะชมทะเลเจดีย์อย่างเดียว แต่เห็นรูป Mt.Popa ในอินเตอร์เน็ทซะก่อน เลยหาข้อมูลได้ว่ามันต้องนั่งรถออกไปจากนอกเมืองพุกาม ก็เลยต้องเหมาทั้งวัน เพื่อมาชมทะเลเจดียย์ตอนบ่ายครับ 

มาดูคลิปที่น้องออดี้เขาทำไว้ก่อนนะครับ ว่าไปไหนกันบ้างในวันนี้ 


หลังจากที่เดินทางเหน็ดเหนื่อยมาหลายชั่วโมงจากเมืองโมนยวา เมื่อวาน ก็เหนื่อย มาก หลับสนิทเลยครับ แต่ต้องตื่นเช้ามากับเสียงสาวๆ พนักงานโรงแรมอ่องมินกะลาร์ (Aung Mingalar Hotel) ที่เราพัก ที่มานั่งจับกลุ่มคุยกันหน้าห้องพวกเราครับ ซึ่งก็รู้สึกแปลกๆที่พนักงานโรงแรมมานั่งจับกลุ่มคุยกันเสียงดังหน้าห้องลูกค้าแบบนีั้ แต่เราก็ไม่ได้ถือสาระอะไร คิดว่าน่าจะเป็นสไตล์เขาแบบบ้านๆจริงๆ ครับ 


ลุงเสริมนี้ได้ยินเสียงสาวๆเป็นไม่ได้ครับเขาไปขอถ่ายรูปกับพนักงานโรงแรม 1 แชะ ครับ 


บรรยากาศระเบียงหน้าห้องครับ ด้านตรงข้ามโรงแรมคนละฟากถนนจะมองเห็นเจดีย์ชเวสิกองเลยครับ (เดี๋ยวตอนบ่ายจะพาไปชมนะครับ) 


ห้องอาหารของโรำงแรม ครับ จองกับอโกด้า มีอาหารเช้าให้ด้วยครับ 


อาหารเช้าที่นี่ก็มีข้าวผัดให้ครับ ไข่ดาวคนละสองฟอง มีขนมปัง แยม และผลไม้ให้ครับ (กล้วยกับมะละกอ) ส่วนน้ำส้ม  น้ำเปล่าก็มีบริการไว้เสิร์ฟตัวเองได้เลยครับ 


ทานข้าวกันเสร็จแล้วก็เดินไปหารีเซ็ปชั่นโรงแรมให้หารถตู้ให้ครับ เพื่อจะเหมาทั้งวัน ไปเมาท์โปปา และกลับมาชมทะเลเจดีย์ตอนบ่ายครับ ได้ราคามา 75,000 จั๊ตครับ (ประมาณ 2500 บาท) ให้เวลาเที่ยว 9:00 - 18:00 เลยครับ ถ้าราคาทัวร์ชมทะเลเจดีย์ในเมืองพุกามอย่างเดียวจะเป็น 45,000 จั๊ตครับ ประมาณ 1500 บาท ได้ราคามาแล้วก็ตกลงเลยครับ หารกัน 5 คนก็ตกคนละ 500 บาทเองครับ ทัวร์วันนี้ ราคาถูกมาก 


โรงแรมนัดรถให้มาตอน 9 โมงเช้าครับ เป็นรถตู้ ประมาณ 9 ที่นั่ง คนขับหนุ่มใส่โลงจี กินหมากปากแดงแจ๋มาเลยครับ ลืมชื่อไปแล้ว ไม่รู้ชื่ออะไร ออกนอกเมืองพุกามไปทางด้านทิศใต้ (มั้ง 555 สังเกตจากแผนที่เอาน่ะครับ) ถนนโล่งๆ กินแห้งๆ หญ้าแล้งๆ ภูเขาแห้งเกือบหัวโล้น แต่ต้นตาลจะเยอะมากๆครับ 


ให้ดูบรรยากาศระหว่างการเดินทางไปเม้าท์โปปาครับ (Mt.Popa) 


แห้งแล้งมากครับ บรรยากาศเดือนพฤษภาคม ที่เมืองพุกามแห่งนี้ 


ระหว่างทางก็จะสังเกต ชาวบ้านทำถนน หรือทำไร่ก็ไม่แน่ใจครับ เวลารถผ่านทุกคนโบกมืออบ๊าบบายตลอดทางเลยครับ และทุกคนก็เป็นอย่างนี้หมดครับ แปลกดี ไม่รู้เขาสื่อถึงอะไรหรือเปล่า หรือแค่ทักทายรถที่ขับผ่านไปผ่านมาอย่างเดียวก็ไม่รู้ครับ แต่เราเจอเหตุการแบบนี้ทั้งไปทั้งกลับเลยครับ 


ที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ค่าผ่านทาง ข้ามหมู่บ้าน ทุกทีก็จ่ายทุกทีเลยครับ แต่คนขับเขาจ่าย ไม่เกี่ยวกับเรา 


ก่อนถึงเม้ท์โปปาก็มีตลาดครับ เป็นประมาณชุมชนขนาดย่อม มีของขายกของกินขิงใช้ผลไม้ทั่วไปครับ 


ถึงแล้วครับ เม้ท์โปปา ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงกับอีก 15 นาทีพอดีครับจากโรงแรม อ่องมินกลาร์ ในเมืองพุกาม บรรยากาศร้อนเชียว ภูเขาไม่เขียวตามที่ผมเคยเห็นในรูป (ก็เล่นมาซะหน้าร้อนล่ะครับ 5555)


คนขับบอกให้เราลงไปถ่ายรูปกัน ก็ถ่ายมาเยอะแยะไปหมดครับ ซูมได้แค่นี้แหละครับ กล้องผมสุดๆแล้ว พอจะเห็นเป็ดนวัดอยู่ข้างบนนะครับ 


ให้ดูโฉมหน้าไดรเวอร์ของเราครับ และรถตู้ที่จอดให้เราลงไปถ่ายรูปตรงหัวโค้งพอดีเลย 


ถึงแล้วก็ต้องทำหน้าที่พาสังขารของตัวเองขึ้นบันไดล่ะครับ พี่น้องครับ 


แผงขายของที่ระลึกเยอะแยะมากมายครับ ที่นี่เห็นแต่มีนักท่องเที่ยวที่เป็นคนพม่าทั้งนั้นครับ ที่มาเที่ยว ฝรั่งน้อยมาก และก็ไม่เจอคนไทยที่นี่เลยครับ สงสัย ไม่มีใครรู้จักที่นี่ อิๆๆๆ


ขึ้นไปสักนิดก็มีของกินแบบบ้านๆขายครับ เราลองกินคล้ายเส้นวุ้นเส้นใสๆ พองกินกับน้ำซุปแบบก๋วยเตี๋ยวแต่ออกจืดๆ ก็พอกินได้ครับร้อนๆ อีกแบบก็เหลืองๆคล้ายหนมจีนแต่ผมไม่กล้าเสี่ยง กลัวท้องไม่รับครับ ธาตุผมอ่อน sensitive กับของแปลกปลอมมากๆ 555


ก็นั่งกินกันแบบนี้ล่ะครับ บรรกากาศแบบบ้านๆครับ  เบ็ดเสร็จเหมาจ่ายแม่ค้าคิด 3,500 จั๊ตครับประมาณ 116 บาท ตกคนละ 23 บาท 


กินเสร็จก็เดินขึ้นต่อครับ มีป้ายเตือนถอดรองเท้าถุงเท้า ค่าฝากรองเท้าคนละ 500 จั๊ตครับ ประมาณ 16 บาท ใครจะเข้าห้องน้ำก็เชิญด้านขวามือ ค่าเข้าห้องน้ำ 200 จ๊ตครับ 6 บาท 
ฝูงวานรก็มีอยู่ทุกที่ทุกชั้นทุกเลเวลครับ มีห้องน้ำสาธารณะอยู่ด้านล่างก่อนทางขึ้นครับ ความสะอาดให้ 4 เต็ม 10 แต่ก็พอทน 5555


ตรงนี้ซุ้มพระครับ แต่มีนัตด้วย


จะบอกว่าที่นี่มีนัตหลายตนมากครับ ตั้งแต่ข้างล่างยันข้างบน มีตลอดหลายซุ้มเลยครับ 


ระยะทางอีกยาวไกลครับ ขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดเป็นระยะๆ โดยเฉพาะป้าส้มต้องดมยาดมเลยทีเดียว (หรือหลายทีก็ไม่รู้)


มีชาวบ้านมาขายน้ำดื่มด้วยครับ ดีหน่อยได้ซื้อเพราะเหนื่อยมาก เหงื่อออกใจเต้นตุ๊บๆ 


มีทางแยกขึ้นไปหานัตอีกตนตรงนี้ครับ 


ตู้บริจาคและนัตอีกเยอะแยะมากมายครับ 


มีจุดพักเหนื่อยให้ถ่ายรูปเล่น อันนี้เป็นหลังคาทางที่เราจะเดินลงขากลับ (ที่จริงกลับทางเดิมก็ได้ครับ แต่เปลี่ยนบรรยากาศที่จริงๆก็บรรยากาศเดียวกัน คือมีแต่บันไดและบันได)


ขึ้นมาสูงเกือบจะสุดแล้วครับ สูงใช้ได้เลย ใครตกลงไปคงไม่เหลือชีวิตรอด 


มาถึงข้างบนแล้วครับ 


มีทั้งพระมีทั้งนัตอีกเพียบ 


นัตครับ 


พระครับ 


ชมวิวข้างล่างซะหน่อย ใครกลัวความสูงขอบอกว่ามีเสียว 


ชาวบ้านก็มาบริจาคเงินทำบุญกันเยอะแยะมากมายครับ 


มีฆ้องให้ลูบแล้วมีเสียงดังด้วยครับ (เหมือนในวัดคุณารามที่เกาะสมุยเลยครับ ลูบแล้วดังแต่ต้องลูบดีๆ ลูบไม่เป็นก็ไม่ดังนะครับ )


\ระฆังคู่


เดินออกมาอีกฟากเจอเจดีย์ใหญ่องค์นี้ครับ 



อีกองค์ครับ องค์นี้รู้สึกจะมีนัตข้างในอีกเพียบ แต่ไม่ได้เข้าไปชมครับ 



วิวถนนที่รถมาเมื่อกี้ครับ มองจากข้างบน 


ชมวิวครับ 



เดินไปทางไหนก็มีแต่นัตครับ 


ขาลง 


มีน้ำมนต์ให้กินอีก เหมือนบนมัณฑะเลย์ฮิลล์เลยครับ 



เดินลงมาข้างล่าง ชมของกินของใช้ที่ชาวบ้านนำมาขายด้านล่างครับ 


ให้ดูทางเข้าที่เป็นทางขึ้นเมื่อครู่ครับ 


เด็กๆนักเรียนและลูกเณร


บ้านและร้านค้าหน้าทางขึ้นเม้าท์โปปาครับ 


เดินทางย้อนกลับทางเดิมกลับเมืองพุกามครับ พักผ่อนเอาแรงในรถ อืดเชียวตาโรธ 555 


อีก 1 ชั่วโมงนิดๆก็ ถึงพุกามแล้วเริ่มจะเห็นเจดีย์แล้วครับ โชวเฟอร์พามาเจดีย์อะไรก็ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินชื่อ เดินเข้าไปร้อนมาก  ความตั้งใจที่จะเที่ยวชมเจดีย์หดหายไปเลย 


มาเจอทางเข้าเจดีย์ติโลมินโล Htilo Minlo แต่ขี้เกียจแวะแล้วครับ ไม่ไหว 


ไม่อยากจ่ายค่าเข้าด้วย เลยชมไกลๆ ซูมเอาได้แค่นี้ กลัวว่าถ้าจ่ายแล้วเที่ยวไม่ครบ เสียดายตังค์อีก เลยไม่เอาดีกว่า เพราะทุกคนบ่นมาร้อนมากๆๆๆๆๆๆๆๆ


เลยเปลี่ยนแผนให้คนขับพาวน นั่งรถชมเจดีย์ข้างทางไปเรื่อยๆ 


ไปทางไหนก็มีแต่เจดีย์น้อยใหญ่เต็มไปหมด 


หิวข้าว ก็บอกให้คนขับพามากินที่นี่ครับ สั่งอาหารไทยมากินกัน 1 มื้อแก้เลี่ยน ค่าเสียหาย 19,000 จั๊ต ประมาณ 633 บาท ตกคนละ 126 บาทครับ 


กินเสร็จแล้วโชเฟอร์ก็พาชมต่ออีกนิดหน่อย 


มาสุดที่เจดีย์โลกะนันทา Lowkananda Phaya ริมแม่น้ำอิระวดีครับ 


แม่ค้าขายปลาทอด กุ้มทอดเป็นแผ่นๆแบบนี้เหมือนทอดมันกุ้งแบบปักษ์ใต่บ้านเราครับ 


แม่น้ำอิระวดี 


เดินไปชมเจดีย์โลกะนันดาซะหน่อย 


เจดีย์โลกะนันดาครับ 


มีน้ำให้ดื่มด้วยครับ ทุกที่เลยมีน้ำให้ดื่มแบบนี้ ครับ (แต่ไม่กล้าดื่มนะครับ ซื้อแต่น้ำขวดกิน)


เสร็จแล้วก็ให้โชเฟอร์ฟาไปศูนย์เครื่องเขิน (Lacquer Ware) มีจนท.ศูนย์หัตกรรมแห่งนี้มาอธิบายขั้นตอนต่างๆด้วยครับ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงพม่า ฟังแล้วเหนื่อย เพราะต้องคิดตลอดว่าเขาพูดอะไร 555 


แผนกย้อมให้ดำครับ ไม่แน่ใจว่าเรียกอะไรที่มันเป็นศัพท์เฉพาะครับ 


อันนี้ผลิตภัณฑ์จากขนหางม้ามาสานกับไม้ไผ่ครับ 


ขูดให้ผิวเรียบเสมอกันครับ 


ผมขอบอกว่าสวยมากครับ ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นของเขา น่าเก็บสะสมครับ ต้องใช้เวลาและแรงงานในการทำเป็นอย่างมาก รับบัตรเครดิตด้วยนะครับที่นี่ แต่ด้วยราคาที่สูงและเราต้องใช้เงินเที่ยวในพม่าอีกหลายวันเลยต้องขอบายครับ โอกาสหน้าถ้ามีโอกาสได้ไปพุกามอีกจะไปอุดหนุนนะครับ 


โชเฟอร์พาเราผ่านดงเจดีย์อีกหลายแห่ง อยู่ตรงไหนของพุกามแล้วก็ไม่รู้จับทิศทางไม่ถูกแล้วครับ เลยได้แต่ถ่ายรูปเล่นๆแล้วครับ 


ตรงนี้ก็สวยดี แต่ชื่อจำไม่ได้แล้วล่ะครับ เจดีย์อะไร 


แวะชมตลาดบากัน (พุกาม) ซะหน่อย ก่อนกลับโรงแรม 


แม่ค้าในตลาดเมืองบากันยังใช้การชั่งแบบนี้อยู่เลยครับ ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบครับ ดูบ้านๆดีผมชอบมากเลย แบบบนี้ ของขายส่วนใหญ่ก็เป็นผักผลไม้ครับ 


แอบถ่ายชาวบ้านเลือกซื้อของครับ 


แอบถ่ายแม่ค้าครับ 


หลังจากนั้นก็บอกให้คนขับพาส่งกลับโรงแรมอ่องมินกลาร์เลยครับ ไม่ดงไม่ดูมันแล้วครับเจดีย์ ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย 555 ยอมทิ้งตังค์เลยวันนี้ไม่ไหว ทั้งๆที่เหลือเวลาอีก หลายชั่วโมง จ่ายทิปโชเฟอร์ไปอีก 5000 จั๊ตครับ
กลับมาถึงห้องก็อาบน้ำ เปิดแอร์ดูทีวีพม่านิดหน่อย พอแดดสงบก็ว่าจะเดินไปเจดีย์ชเวสิกองที่อยู่หน้าโรงแรมเรา เจอรถม้าจอดอยู่สองคันพอดี ก็ขอลองใช้บริการซะหน่อยครับ ระยะทางสั้นๆ แค่ไปเจดีย์ชเวสิกองพี่แกคิด คันละ 2500 จั๊ต สองคันก็ 5000 จั๊ต ประมาณ 166 บาท สำหรับสองคันครับ 


แอบถ่ายชาวบ้านเขาขี่ผ่านมาพอดีครับ นั่งแล้วก็ได้บรรยากาศชิลๆดีครับ แต่เหม็นขี้ม้าไปนิดครับ เพราะพี่หม่องเขาเอากระสอบผูกเอวม้ารองรับขี้ไว้เลยล่ะครับ ขี้ม้าเลยต้องไปกับเราตลอด 


ถึงแล้วครับ ทางเข้าเจดีย์ชเวสิกอง เดินเข้าไปเลยครับ กำลังลุ้นว่าจะเสียค่าเข้ารึเปล่า ถ้าต้องเสียก็ไม่คุ้มเลยนะเนี่ยวันนี้ แต่ปรากฏว่าไม่มีตรงไหนที่มีเจ้าหน้าที่เก็บค่าเข้าเลยครับ 


เจดีย์ชเวสิกอง ทองเหลืองอร่าม โดดเด่นแต่ไกลครับ 


ต้องมาชมเองแล้วจะตะลึงในความงามครับ แต่ต้องรำคาญกับเด็กเดินขอตังค์อีกแล้ว 


อาคาร บริเวญเจดีย์ชเวสิกองครับ


ชาวบ้านไปมุงดูหลุมสมดุลที่จะมองเห็นยอดเจดีย์ชเวสิกองด้วยเงของน้ำในหลุมครับ ผมเห็นนิดหน่อยรางๆ ไม่ชัด 


ก็เลยถ่ายรูปบนฝาผนังที่เขาติดเอาไว้มาให้ดูว่าจะเห็นแบบนี้ครับ 


ชมเสร็จแล้วก็เดินออกมาถ่ายรูปกับฉิ่นตีตัวใหญ่มากๆ หน้าทางเข้าเจดีย์ชเวสิกองครับ 


เจดีย์อะไรก็ไม่รู้ อยู่ตรงลานด้านหน้าเจดีย์ชเวสิกองครับ 


หลังจากนั้นก็หาข้าวกินครับ เดินเกือบครึ่งกิโลตามถนน เข้าซอยหนิดหนึ่งมาเจอร้านนี้ครับ  Bagan Restaurant & Bar อาหารอร่อยมากๆ มี Wifi ให้ใช้ฟรีด้วย ค่าเสียหายมื้อนี้ 20,000 จั๊ต ครับ ประมาณ 666 บาท ตกคนละ 133 บาท ไม่แพงเลยครับ กินกันแบบพุงกางไปเลย อร่อยมาก 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น